หลายคนอาจคิดว่า ผิวไวต่อแสง และ ผิวแพ้แสง คืออาการเดียวกัน แต่แท้จริงแล้ว 2 อาการดังกล่าวแตกต่างกันนะคะ จึงทำให้ การป้องกันและการรักษาต่างกัน
ยังงี้แล้วเรามาสำรวจกันดีกว่า ว่าเราเป็นผิวแบบไหนกันแน่ ระหว่าง ผิวไวต่อแสง หรือ ผิวแพ้แสง
ซึ่งบทความนี้เป็นการอธิบายให้เห็นภาพรวมของผิวทั้ง 2 ชนิด เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าใจและสังเกตุได้ง่าย โดยในทางจิตวิทยา(แพทย์ผิวหนัง) จะมีรายละเอียดการแบ่งกลุ่มโรคที่ซับซ้อนกว่านี้
ผิวไวต่อแสง คืออะไร สังเกตุอย่างไร ?
ผิวไวต่อแสง (photosensitivity) คือ สภาวะการตอบสนองความทนทานของผิวหนังต่อแสงซึ่งแต่กต่างจากผิวแพ้แสง สามารถแบ่งสาเหตุของผิวไวต่อแสงได้ดังนี้
-
ผิวบาง เกิดจากการมีชั้นผิวที่บางกว่าปกติ ทำให้แสงทะลุผ่านและทำลายผิวได้ง่าย
-
ผิวอ่อนแอ เป็นอาการของผิวที่ถูกรบกวนด้วยสารเคมี ทำให้ผิวผิดปกติและมีอาการผิวแพ้ง่ายร่วมด้วย
-
ผิวขาว เป็นกรรมพันธ์ของแต่ละเชื้อชาติ โดยที่คนผิวขาวจะมีผิวไวต่อแสงกว่าคนผิวคล้ำ
4 อาการของผิวไวต่อแสง
- ผิวแดง คล้ำ ดำเสียเร็ว
- สำหรับคนที่มีฝ้ากระ ฝ้ากระจะขึ้นชัดและเข้มช่วงออกแดด
- ผิวแสบร้อนเร็ว ถ้าโดนแดดจัดติดต่อกัน 30 นาทีอาจเกิดผิวไหม้ได้
- บางคนจะมีตุ่มหรือผดเล็กๆขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้คนไทยเป็นผิวไวต่อแสง
- อยากขาว โดยใช้สารเร่งการผลัดผิวเช่น ครีมลอกผิว ครีมผิวขาวไว ทำให้เกิดอาการผิวบางในที่สุด มีผลทำให้เกิดฝ้ากระตามมา
- ฮอร์โมน เช่น ผู้หญิงที่ใกล้หมดประจำเดือน จะเริ่มมีภาวะผิวบาง ผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น ฝ้ากระขึ้นง่าย
- ยาบางชนิด เช่น ยาทาแก้สิว Retinoic acid หรือยาทานแก้ปวดบางชนิด มีผลกระตุ้นให้เกิดผิวไวต่อแสง
- กรรมพันธ์ เช่น มีเชื้อชาติของคนผิวขาวผสม ทำให้ผิวไวต่อแสงเร็วกว่าคนไทยทั่วไป
สำหรับผู้ที่มีอาการผิวไวต่อแสง ควรดูแลตัวเองดังนี้
- หลีกเลี่ยงช่วงแดดจัดๆ ในเวลา 10.00-15.00 น.
- ถ้าต้องออกแดดจัด ต้องมีเครื่องป้องกัน เช่น ร่ม ครีมกันแดด หรือ กินกันแดด- ซันอะเวย์(SunAway)
- หยุดใช้ครีมหรือสารเคมีที่เร่งการผลัดผิว แนะนำให้ใช้ครีมบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์แทน เพื่อการฟื้นฟูผิว
- ทานผักสีเขียวและผลไม้หลากสีเยอะๆ เพราะกลุ่มแคโรทีนอยด์ในผักผลไม้ ช่วยฟื้นฟูผิวได้ดี
ผิวแพ้แสง คืออะไร สังเกตุอย่างไร ?
ผิวแพ้แสง หรือ โรคผื่นแพ้แสง (Chronic Actinic Dermatitis) เป็นการแพ้แสงรังสียูวีเอหรือยูวีบีหรือทั้งสอง เป็นโรคที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย เมื่อผิวโดนแสงแดด แดดจะกระตุ้นผิวให้เกิดอาการแพ้
4 อาการของผิวแพ้แสง
- มักจะพบผื่นเฉพาะบริเวณที่ผิวถูกแสงแดด เช่น หน้า คอ แขน ขา
- มักไม่พบผื่นบริเวณที่ไม่ถูกแสง เช่น ข้อพับ ในร่มผ้า
- อาการผื่นจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ออกแดด หรือโดนแดดจัดๆ เช่น เที่ยวทะเล ช่วงฤดูร้อน
- อาการผื่นจะมีตั้งแต่ผื่นผดทั่วไป ผื่นต่อมน้ำเหลือง จนถึงผื่นแสบร้อนเหมือนผิวไหม้
เมื่อพบว่าทุกครั้งที่ออกแดดแล้วมีอาการผื่นขึ้น แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังทันทีเพื่อหาต้นตอของอาการและวิธีรักษาต่อไป
การดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้แสง
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด โดยเฉพาะช่วงแดดจัดๆเวลา 10.00-15.00 น.
- ป้องกันผิวหนังไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรง เช่น หมวก ร่ม เสื้อแขนยาว แว่นตาและครีมกันแดด
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์เพื่อลดการระคายผิว
และสามารถทาน กินกันแดด-ซันอะเวย์(SunAway) เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ลดความเสียหายของผิวได้แต่ต้องอยู่ภายใต้การป้องกันไม่ให้ถูกแดดด้วย
Leave A Comment